วันอังคารที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2554

แนวคิดการจัดการที่ดินโดยองค์กรชุมชน

"บนโลกใบนี้คงไม่มีผืนแผ่นดินตรงไหนงอกขึ้นมาได้ แต่มนุษย์เพิ่มจำนวนขึ้นทุกวัน  แม้มนุษย์จะทำไห้โลกใบนี้โตขึ้นไม่ได้ แต่ถ้ารู้จักเพิ่มสิ่งที่กินได้ ก็เท่ากับเพิ่มขนาดของโลกเช่นกัน "
          การต่อสู้กับแนวคิดที่มองที่ดินเป็นสินค้า  ซึ่งชาวบ้านอย่างเรา  มองว่า  "ที่ดิน คือชีวิต"  จึงมีกระบวนการทำงานพัฒนาโดยองค์กรชุมชน    ที่ผ่านมานั้น  มักจะพบว่า  มีการถ่ายทอดประสบการณ์ทำงานของขบวนการต่อสู้ภาคประชาชนจากรุ่นสู่รุ่นเพื่อผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อชุมชน ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย กฎหมาย  กฎหมายที่ละเมิดสิทธิชุมชน รวมถึงกฎหมายที่เก่าล่าหลังที่เป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาของชุมชน   โครงการพัฒนาขยายใหญ่ที่ดำเนินงานโดยภาครัฐและภาคเอกชน  ทำให้ปัญหาความยากจนแพร่ขยายอย่างกว้างขวางในสังคมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความยากจนของภาคเกษตรหรือชนบท รวมถึงคนจนเมือง   รวมถึงกลุ่มคนชาติพันธุ์   สาเหตุสำคัญของปัญหามาจากปัญหาเชิงโครงสร้าง ปัญหาเชิงนโยบายของรัฐและเอกชน ที่ไม่ได้คำนึงถึงผลกระทบอย่างรอบด้านต่อประชาชน
ความจนเป็นปัญหาใหญ่ทางโครงสร้างสังคม ซึ่งเกี่ยวโยงกระทบเป็นลูกโซ่ จากจำนวนคนยากจนที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หนี้สินรุงรัง ไร้ที่ทำกินและที่อยู่อาศัย รวมไปถึงการบุกรุกหรือเป็นเครื่องมือของนายทุนในการบุกรุกป่า ก่อให้เกิดปัญหาระบบนิเวศน์เสื่อมโทรม ฯลฯ ปัญหาทั้งหมดดังกล่าวล้วนสืบเนื่องจากรัฐบาลทุกยุคทุกสมัยไม่ได้วางแผนการแก้ไขปัญหาความยากจนอย่างจริงจัง ไม่มีนโยบายในการกระจายอำนาจการจัดการทรัพยากร และการมีวิสัยทัศน์การพัฒนาแบบองค์รวมที่เน้นความหลากหลายและการมีส่วนร่วมของประชาชน
ในทางตรงกันข้าม  รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยไม่พยายามศึกษาและเข้าใจฐานะของประชาชน  เมื่อเกิดปัญหาความขัดแย้งจากการเรียกร้องของคนจน  การประท้วงของกลุ่มเกษตรกรและกลุ่มชนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบาย  หรือการบีบบังคับให้คนจนเสียสละเพื่อสังคม  รัฐบาลหรือกลุ่มชนชั้นผู้ปกครองมักใช้การแก้ไขปัญหาด้วยอำนาจความรุนแรง  การข่มขู่คุกคาม  การจับกุมคุมขัง  หรือใช้กฎหมายอย่างไร้คุณธรรม อันเป็นการสร้างปัญหาใหม่แก่ประชาชน
ความยากจนจึงไม่ใช่เป็นเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ หรือเกิดจากอุปนิสัยความขี้เกียจของผู้คน ความยากจนเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างการพัฒนา ที่มีพื้นฐานมาจากการไม่มีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางการพัฒนา ขณะเดียวกันก็มีความจำเป็นที่จะต้องสะสางปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้นเพื่อเป็นการบรรเทาความรุนแรงจากปัญหาต่าง ๆ  เช่น  ปัญหาการจับกุมผู้มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยในเขตพื้นที่อนุรักษ์  ปัญหาคดีโลกร้อน ปัญหาการบังคับใช้กฎหมายเพื่อยึดทรัพย์สินของประชาชนที่เกิดจากปัญหาหนี้สิน 
       ณ ปัจจุบันองค์กรชุมชน มีกระบวนการพัฒนาการจนมีความเข้มแข็งทั้งในระดับชุมชน  การรวมตัวกันเชื่อมโยงเป็นเครือข่ายประเด็นปัญหา  และเครือข่ายคนจนทั้งผองเป็นพี่น้องกัน  ในนาม ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ขึ้น  โดยการทำงานเป็นการทำงานในพื้นที่ชุมชนให้เกิดรูปธรรมไปพร้อม ๆ กับการขับเคลื่อนทางนโยบายสู่การแก้ไขปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อชุมชน
       นอกจากการพัฒนาพื้นที่รูปธรรมและการขับเคลื่อนเชิงนโยบายแล้ว  ยังมีปัจจัยอื่นๆ  ที่สำคัญในการทำงานพัฒนาเพื่อแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยโดยองค์กรชุมชน  คณะผู้จัดทำจึงได้เรียบเรียงชุดประสบการณ์ออกมาเป็นคู่มือและขั้นตอนการทำงาน เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยในรูปแบบโฉนดชุมชน

สาเหตุของปัญหา
          ที่ดินถือเป็นปัจจัยสำคัญในการดำรงชีวิตของกลุ่มชน  ต่อมาที่ดินได้ถูกแปรเปลี่ยนให้เป็นสินค้าและมูลค่าที่สามารถตีค่าให้เป็นตัวเงิน   มีการแย่งชิงที่ดิน  โดยการกว้านซื้อที่ดินของกลุ่มนายทุน  บุกรุกที่ดินเพิ่มขึ้นเพื่อปลูกพืชเศรษฐกิจเชิงเดี่ยว  ฯลฯ  ท้ายที่สุดที่ดินหลุดมือจากการเป็นหนี้  นำซ้ำยังมีปัจจัยต่าง ๆ  คุกคามทั้งจากภายนอกและภายใน          
จากสภาพปัญหาและบทเรียนการสูญเสียที่ดินของเกษตรกร  รวมถึงจากกระบวนการแก้ไขปัญหาของรัฐที่เป็นผู้ดูแลที่ดินของรัฐทุกประเภท โดยเฉพาะปัญหาที่ดินทำกินที่อยู่อาศัยที่อยู่ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ของรัฐ (ป่าสงวนแห่งชาติ /อุทยานแห่งชาติ/ พื้นที่อนุรักษ์พื้นพืชและสัตว์)  พบว่า  ชุมชนส่วนใหญ่ มีการตั้งรกรากถิ่นฐานอยู่ก่อนแล้ว  บางชุมชนตั้งมาไม่น้อยกว่า ๑๐๐ ปี   หากใช้กระบวนการทางกฎหมาย หรือนโยบาย รวมถึงมมติ ครม. ต่าง ๆ  ที่เกี่ยวข้อง พบว่า  ยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนผู้ยากจนได้อย่างแท้จริง  ซึ่งสามารถช่วยเหลือประชาชนได้เพียงบางส่วน  และยังเป็นอุปสรรคต่อการแก้ไขปัญหาขององค์กรชุมชน


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น