'ผู้ตรวจการแผ่นดิน'ชี้ที่ดิ นไทย 100 ล้านไร่ อยู่ในมือต่างชาติ เผยถือครองผ่าน"คู่สมรส - นอมินี" ชี้หาก เป็นแบบนี้คนรุ่นหลัง'ไร้แผ่นดิ น'
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าคณะกรรมาธิ การ เศรษฐกิจ การพาณิชย์และอุตสาหกรรม วุฒิสภา จัดการสัมมนาเรื่อง นิติกรรมอำพราง : ต่างชาติกับการถือครองที่ดิน โดยนายศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดิน เปิดเผยว่า ปัญหาความมั่นคงของประเทศไทยมี อยู่ 2 รูปแบบ คือ 1.ความมั่นคงทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งกำลังได้รับผลกระทบจากปั ญหายาเสพติดเพราะกำลังบั่นทอนบุ คคลากรของประเทศในระยะยาว 2.ที่ดินโดยมีปัญหาว่าเราส่งต่ อให้รุ่นลูกหลานอย่างไรเนื่ องจากตอนนี้ที่ดินกว่า 1 ใน3 ของประเทศไทยหรือคิดเป็นประมาณ 100 ล้านไร่อยู่ในมือของต่างชาติ แสดงให้เห็นว่าเป็นการแย่งดิ นแดนโดยใช้ระบบเศรษฐกิจและช่ องโหว่ของกฎหมาย
นายศรีราชา กล่าวต่อว่า การถือครองที่ดินของต่างชาติเข้ ามาในหลายรูปแบบ เช่น สมรสกับคนไทย หรือตั้งบริษั ทไทยและไปแปลงภาพในภายหลังแม้ว่ าในกฎหมายจะกำหนดให้ต่างด้าวถื อหุ้นได้ไม่เกิน 49 % แต่ในทางปฏิบัติกลับพบว่ าจำนวนหุ้นอีก 51%ที่เหลือกลายเป็นถื อครองในระบบนอมินีแทน ดังนั้นการแก้ไขปัญหาจะต้ องทบทวนการจำกัดถือครองที่ดิน และผลักดันภาษีที่ดินให้เพิ่ มมากขึ้นเพื่อกระตุ้นให้เกิ ดการใช้ประโยชน์ในที่ดิน แต่เรื่องนี้เหมือนเข็นครกขึ้ นภูเขา เชื่อว่าไปไม่รอดแน่ เพราะคนรวยในระบอบนี้ไม่มี ใครยอม รวมทั้งต้องสร้างเครือข่ายร่ วมกันระหว่างสำนั กงานคณะกรรมการป้องกั นและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และต้องมีสินบนนำจับเพื่อแก้ปั ญหาระยะยาว
นอกจากนี้การได้เห็นสภาพแบบนี้ เมืองไทยจะไม่มีอะไรเหลือ คนรุ่นหลังจะไม่มีที่อยู่ และต้องจับตาแนวคิ ดในการเอาไทยเป็นครัวของโลก ซึ่งเป็นช่องทางให้เกิดการถื อครองที่ดินของต่างชาติ ตนจับตามาตั้งแต่ออสเตรเลี ยพยายามเอาผลไม้ของเราไปปลูกแต่ ทำในประเทศตัวเองไม่ได้ เลยมาขอเช่าที่ดินในไทยแทน ต่อไปจะมีนักการเมืองบางท่านสนั บสนุนตะวันออกกลางข้าวหอมมะลิ จะตรีตราเป็นภาษาตะวันออกกลางทั ้งหมด หากไม่สำเหนียกในการคุ้มครองสิ ทธิชาวนาไทย ปัญหาที่เกิดขึ้นตอนนี้ มาจากกความไม่สามารถของฝ่ายบริ หารของประเทศที่ไม่สามารถแก้ ไขปัญหาได้ ปลูกพื้นไร่บ้านเราบนที่ดิ นเราแต่ผลผลิตส่งกลั บประเทศของเขาและคนไทยจะเป็นเพี ยงแรงงานเท่านั้น
ด้านน.ส.ปิยะนุช โปตะวณิช อาจารย์คณะนิติศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) กล่าวว่า ปัญหานี้จะส่งผลน่ากลัวอย่ างมากในช่วงปี 2558 ซึ่งจะเข้าสู่การเป็ นประชาคมอาเซียนและเปิดเศรษฐกิ จเสรีเพื่อกระตุ้นการลงทุนในภู มิภาค เกรงว่าจะกลายเป็นช่องว่างให้ เกิดกระบวนการนิติ กรรมอำพรางของต่างชาติเพื่อเข้ ามาถือครองที่ดินในไทย โดยเฉพาะประเทศสิงคโปร์ อยากให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องจั บตามองเป็นพิเศษ เพราะสิงคโปร์เป็นประเทศที่มี ความเข้มแข็งทางด้านการเงิ นจำนวนมาก จึงจำเป็นต้องการลงทุนในด้านอื่ นๆ เพื่อทำประโยชน์และสร้ างกำไรทางเศรษฐกิจ
ทั้งนี้สิงคโปร์มีเทคนิคสู งมากกยากต่อการตามให้ทัน ปัญหาตอนนี้ คือ ทำอย่างไรให้หน่ วยงานตรวจสอบของเรามีความเข้ มแข็งและประสานงานอย่างมีประสิ ทธิภาพ เป็นไปได้หรือไม่กับการกำหนดข้ อห้ามออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร การบูรณาการข้อมูล การเสนอกฎหมายการกระทำความผิ ดของตัวแทนกระทำอำพราง รวมไปถึงมาตรการบังคับใช้ กฎหมายให้เข้มแข็งด้วย หรือการเนรเทศชาวต่างชาติที่ กระทำความผิดในส่วนนี้
ขณะที่นายสุจิต จงประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนั กมาตรฐานการทะเบียนที่ดิน กรมที่ดิน กล่าวว่า คนต่างด้าวมีศักยภาพในทางการเงิ นสูง จึงขวนขวายให้ได้มาซึ่งที่ดิ นจำนวนมากเพื่อเปลี่ยนเป็นเงิ นตรากลับประเทศ ทั้งนี้การพิสูจน์การถือครองที่ ดินของต่างชาติทำได้ยาก เพราะถ้าผู้ที่เข้ามาจดทะเบี ยนได้ยื่นเอกสารและมีคุณสมบัติ ตามกฎหมาย เช่น ไม่ใช่เป็นคนต่างด้าว เป็นทรัพย์สินส่วนตัว เป็นต้น ก็สามารถจดทะเบียนได้ และยอมรับว่าตอนนี้มีหลายรู ปแบบในการเข้ามาถือครอง เช่น การจดทะเบียนสมรสกับชาวต่างชาติ แต่กระบวนการพิสูจน์ว่าทรัพย์สิ นที่นำมาซื้อที่ดินเป็นสิ นสมรสหรือส่วนตัว ประกอบกับกฎหมายปัจจุบันได้เปิ ดโอกาสให้ผู้หญิงที่สมรสแล้ วสามารถใช้คำนำหน้านามว่ านางสาวได้ยิ่งเป็นปัญหาเข้ าไปอีกเพราะตรวจสอบได้ยากมากว่ าเป็นนอมีนีหรือไม่ นอกจากนี้ ในทางปฏิบัติแต่ละวันมีผู้เข้ ามาจดทะเบียนกับกรมที่ดิ นเยอะมาก ดังนั้น การตรวจสอบจึงมีข้อจำกัด
ด้านพ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกั นและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.) กล่าวว่า ป.ป.ง.เป็นหน่วยงานที่ต้องรั บรายงานการทำธุรกรรมการซื้ อขายที่ดินด้วยเงินสดเกิน 2 ล้านบาท แต่ตอนนี้พบว่ามีการเลี่ ยงกฎหมายด้วยการทำขนาดของธุ รกรรมให้เล็กลงโดยไม่ให้เกิน 2 ล้านบาทเพื่อไม่ต้องรายงานป.ป. ง. เพราะฉะนั้น การแก้ไขปัญหาจำเป็นอย่างยิ่งต้ องได้รับความร่วมมือจากกรมที่ดิ น
ข้อมูลจาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น